เจ้าของ ตามหาแมวหายร่วมเดือนแต่ได้ "ตัวปลอม" ที่แถมลูกในท้องอีก 5 ตัวมาแทน

คอมเมนต์:

ก๊อปเกรด A เลยนี่นา สรุปแล้วเธอเป็นแมวของใคร...

    “เจ้าแมวตัวปลอมที่พากลับบ้าน ดันเหมือนกับแมวเราที่หายออกจากบ้าน” นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น หลังจากเจ้าแมวสุดที่รักได้หายออกไปจากบ้าน...

    เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้ใช้งานเฟสบุ๊กได้เล่าเรื่องราวสุดอลวนให้ชาวเน็ตในกลุ่มฟัง “เมื่อแมวของเราหายออกจากบ้าน แต่ได้กลับมาคือตัวปลอม”

 

Sponsored Ad

 

    จุดเริ่มต้นคือแมวของเธอที่มีชื่อเจ้าซูชิ อายุราวๆ 8 ปีที่จับทำหมันแล้ว ได้หายตัวออกไปจากบ้าน เธอได้ประกาศหาตัวโดยตั้งรางวัลไว้ที่ 5,000 บาท จนผ่านไปเกือบเดือนที่น้องหายไป ก็มีคนโทรมาแจ้งว่าพบแมวที่สีขาวตรงตามประกาศ

 

Sponsored Ad

 

หลังจากคลอดลูฏแล้ว

    ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 1 มีคนโทรมาบอกว่าเจอแมวสีขาว สภาพโทรม เป็นโรคผิวหนัง เธอก็รีบไปหา พอไปเจอก็พบว่ามันยังเชื่องมาก พอลองเรียกชื่อมันก็ร้องตอบออกมา ก็เลยมอบเงินรางวัลให้คนที่พบไป

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากนั้นก็พาไปหมอตรวจเลือก และรักษาจนหายดี จากนั้นก็พากลับบ้าน ก็มีคำพูดติดในใจว่าใช่แมวเราจริงไหม แต่ก็เข้าข้างตัวเองว่าคงใช่แหละ แค่ผอมและขนสั้นลง แต่พอเรียกชื่อทีไร มันก็หันมามองหน้าทุกครั้งเหมือนเจ้าซูชิจริงๆ 

    ผ่านไป 3  สัปดาห์ท้องมันดูป่องผิดปกติ กลัวจะไม่สบายเลยพากลับไปตรวจ หมอก็จับเอ็กซเรย์ปรากฎว่ามันท้องลูก 5 ตัว แต่แมวเราทำหมันไป 6 ปี ตัดมดลูกทิ้งแล้วจะท้องได้ยังไง...

 

Sponsored Ad

 

    สรุปว่า เจ้าแมวตัวนี้เป็นตัวปลอมที่ปลอมมาได้เนียนมาก แต่เธอก็ได้รับมันและลูกๆทั้งหมดเอาไว้เอง แถมยกบ้านชั้น 3 ทั้งชั้นให้อยู่ มีห้องน้ำแมวไฟฟ้าให้ใช้ อาหารอย่างดี และจับทำหมันเรียบร้อย ตอนนี้ลูกแมวอายุได้ 5 เดือนแล้ว รออายุครบก็จะพาไปทำหมัน

 

Sponsored Ad

 

    เธอได้บอกอีกว่า เจ้าซูชิปลอมตัวนี้เป็นแมวที่เชื่องและเป็นเด็กดีมาก เลี้ยงง่าย ใจดี แถมขี้อ้อนไม่แพ้เจ้าซูชิของเธอเลย และผ่านมาทุกวันนี้เธอก็ยังตามหาเจ้าซูชิตัวจริงไม่เจอ... แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ และจะหาต่อไปเรื่อยๆ 

    (วันที่แมวหายไปต้องรู้สึกยังไง แอดเข้าใจหัวอกคนเป็นทาสแมวด้วยกันเลยค่ะ สุดท้ายก็ขอให้ตามหาน้องซูชิตัวจริงเจอ และยังมีชีวิตที่ดีและปลอดภัยนะคะ)

เธอได้มาอัปเดตเพิ่มเติมให้อ่านกัน

Sponsored Ad

หลายคนมองว่าเธอจำแมวตัวเองไม่ได้ เธอก็ได้อธิบายให้ฟัง...

ที่มา : EaRn Waranya

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ