ร้านรถเข็นที่ขายอาหารตามข้างทางนั้น นับว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่โด่งดังของประเทศไทย เนื่องจากมีราคาถูก และของหลากหลายน่ารับประทาน แต่สิ่งเหล่านี้ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเช่นกัน

    เพจเฟซบุ๊ก ขาเกือบพลิก ได้บอกเล่าเรื่องราวที่มีชายหนุ่มส่งมาให้ ระบุว่าเขาได้เช่าตึกเดือนละ 2 หมื่นบาท เพื่อทำร้านอาหารอย่างถูกต้อง ไม่ตั้งโต๊ะบนทางเท้า ไม่วางของเกินทางเดิน แต่ไม่นานนักกลับมีรถเข็นพ่วงข้างมาจอดขายอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้าน

    โดยรถเข็นพ่วงข้างนั้น ขายทุกอย่างที่เขาขายเลย ทั้งส้มตำ อาหารตามสั่ง ด้วยราคาเท่ากัน แต่ลูกค้าคงจะคิดว่า ร้านรถเข็นถูกกว่า จึงได้เทไปทางนู้นมากกว่า เมื่อขายเสร็จก็จะเข็นรถกลับ พื้นไม่กวาดไม่ล้าง ทิ้งไว้ให้คนกวาดถนนมาเก็บกวาด บริเวณตรงนั้นมีคราบดำๆ เต็มไปหมด

    ชายหนุ่มกล่าวว่า เขาเข้าใจว่าทุกคนลำบาก แต่เขาก็อุตส่าห์เช่าที่ทำให้ถูกต้อง ไม่กีดขวาง แบกรับต้นทุน พวกนี้กลับมาแบบฟรีๆ จ่ายนิดหน่อยก็ขายได้ ครัว ระบบน้ำ ล้างจาน ทิ้งขยะ ก็ไม่ต้องลงทุนอะไรทั้งนั้น เทลงท่อไปเลย

    เขาย้ำอีกว่า วันๆ มีแต่อ้างว่าคนจน คนทำมาหากิน แต่ในประเทศนี้ยังมีคนจนอีกมาก ที่ไม่ทำให้สังคมเค้าเดือดร้อน เพราะฉะนั้นตรรกะจน ไม่เท่ากับ ก่อความเดือดร้อนได้

    เรื่องราวดังกล่าวมีหลายคนให้ความสนใจและเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก มีหลายคนที่พบเห็นร้านที่ตั้งแบบไม่ถูกต้องนี้ ตามถนนเมืองไทยเยอะมาก และกีดขวางทางจราจร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านประจำ

    ซึ่งข้ออ้างของคนเหล่านี้ จะบอกว่ารังแกคนหาเช้ากินค่ำ แต่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบคนอื่นๆ อยู่ ทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น และพ่อค้าแม่ค้าที่ทำร้านอย่างถูกกฎหมายด้วย

ความคิดเห็นชาวเน็ต

    บางคนก็บอกว่า เข้าใจได้ที่บอกว่าคนไทยหลายคน มักจะคิดว่าร้านรถเข็นถูกกว่าร้านที่มีที่ตั้งถูกต้อง ดังนั้นควรจะแก้ปัญหาด้วยการทำป้ายราคาหน้าร้านให้เห็นได้ชัด คนเดินผ่านจะได้รู้ว่าราคาประมาณไหน และเลือกเข้าร้านที่ถูกต้องมากขึ้น

    หลายคนยังได้ตั้งคำถามนี้ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดูแลพื้นที่บริเวณนั้นว่า เหตุใดร้านรถเข็นแบบนี้จึงสามารถตั้งขายได้ เพื่อผลประโยชน์ของร้านค้าที่ตั้งขึ้นมาอย่างถูกต้อง

ที่มา : เฟซบุ๊ก ขาเกือบพลิก