เด็กหญิงช่วยดูแล ลูกแมวจร ที่แม่เก็บมาเลี้ยง จนกลายเป็นเพื่อนซี้ 15 ปีที่ตัวติดกันเสมอ

คอมเมนต์:

มิตรภาพเพื่อนต่างสายพันธุ์

    ช่วงวัยเด็กนั้นคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรก็ตาม เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความทรงจำที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ และในวัยนี้เองก็จะมีแต่เรื่องสนุกเกิดขึ้น เหมือนเช่นเด็กหญิงคนนี้กับแมวที่เธอรัก สื่อนอกเผยเรื่องราวของเหมียวส้มที่ชื่อ กวากวา กับเด็กหญิงตัวน้อย ที่จริงกวากวาเป็นแมวจรที่บ้านเก็บกลับบ้านมาเลี้ยง

     หลังจากที่เก็บกวากวามาเลี้ยง พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก กวากวาและครอบครัวเด็กหญิงอาศัยอยู่ที่นครไทเป ไต้หวัน ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่วัยทารก พวกเขาเฝ้ามองกันและกัน ดูแลกัน จนกระทั่งเด็กน้อยโตเป็นสาว และเจ้าเหมียวเองก็เปลี่ยนแมวจิ๋วเป็นแมวยักษ์

 

Sponsored Ad

 

 

     เราจะเห็นว่าภาพด้านบนนั้นเด็กหญิงยังตัวเล็กอยู่เลย ส่วนเหมียวส้มกวากวาก็ดูตัวไม่ใช่น้อยๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมาดูภาพล่างเด็กหญิงก็กลายเป็นนางสาววัย 16 ปี ส่วนเหมียวส้มอย่างกวากวาก็ดูเหมือนจะตัวโตเป็นยักษ์ตามไปด้วยซะงั้น แต่ทั้งคู่ยังคงรักและสนิทกันมากไม่เปลี่ยนแปลง คุณแม่เล่าว่า “เดิมทีเหมียวส้มกวากวา เป็นแมวจรจัดที่ป่วย เราจึงพามันกลับบ้าน และดูแลมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีลูกสาวซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงเด็กทารก คอยเป็นผู้ช่วย”

 

 

Sponsored Ad

 

    นับตั้งแต่เจ้าเหมียวเข้ามาอยู่ด้วย เด็กหญิงก็ตัวติดกันตลอดเวลา โดยทั้งคู่จะถ่ายรูปด้วยกันทุกๆ 2-3 ปี และสัญญาว่าจะเติบโตไปด้วยกัน คุณแม่ยังบอกอีกว่า "ที่จริงแล้วเจ้ากวากวาเป็นแมวนิสัยขี้อายและขี้ตกใจ โดยเฉพาะเวลามีเสียงดัง แต่มันอุ่นใจเสมอเมื่อได้อยู่ใกล้กับเด็กหญิง และมันจะคอยติดตามเธอไปทุกที่ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา"


     จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ยังมีกันและกันเสมอ

 

Sponsored Ad

 

     ความผูกพันของทั้งคู่มากยิ่งกว่าใครจะอธิบายได้

     เจ้าเหมียวกวากวาจะไม่ยอมอยู่ห่างเด็กน้อยเลย

 

Sponsored Ad

 

    แม้กระทั่งตอนนอนก็จะนอนพร้อมกันเสมอ

    บางครั้งเมื่อเด็กหญิงไปโรงเรียนเจ้าเหมียวส้มก็จะมานอนคนเดียว

    เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเรื่องราวของแมวส้มกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ทุกวันนี้กลายเป็นสาวแล้ว แต่ก็ยังตัวติดเหมียวส้มตลอดเวลาแม้ว่าจะโตเป็นสาวแล้วก็ตาม ความผูกพันของพวกเขามันยิ่งกว่าแค่แมวกับคน แต่เป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นเกินจะอธิบายได้จริงๆ

ที่มา : pets.ettoday

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ