จู่ๆโชคเข้าข้างเด็กหญิง11ปี จนได้กลายเป็นมหาเศรษฐี และถูกยกย่องให้เป็นคนผิวขาวไปเลย

คอมเมนต์:

จากคนผิวสี จนกลายเป็นคนผิวขาวที่รัฐบาลยอมรับ

    การต่อสู้เพื่อสิทธิคนผิวสีนั้นดำเนินมายาวนาน แม้ในปัจจุบันคนผิวสีก็ยังคงได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน มันยากที่จะจินตนาการว่าพวกเขาจะอยู่รอดได้อย่างไร

    ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1910 ที่สหรัฐอเมริกามีเด็กหญิงผิวสีตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งถูกเอาเปรียบจากรัฐบาล แต่ก็ยังทำให้เธอร่ำรวยขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเธอกลายเป็น "คนผิวสีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก" และ "ผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา" เนื่องจากครอบครัวของเธอขุดน้ำมัน.!

 

Sponsored Ad

 

    สื่อนอกเปิดเผยเรื่องราวของ เด็กหญิงที่ชื่อ ซาร่าห์ แร็คเตอร์ (Sarah Rector) เธอเกิดปี ค.ศ.1902 รัฐโอคลโฮมา สหรัฐอเมริกา บรรพบุรุษของเธอเป็นทาสผิวสีที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ครีกคอนเฟเดอเรต ก่อนสงครามกลางเมืองในช่วงสงครามกลางเมือง ในปี ค.ศ.1989 คนผิวขาวพยายามเกลี้ยกล่อมชนเผ่าอินเดียนที่อาศัยอยู่ในรัฐโอคลโฮมายกที่ดินให้พวกเขา และสัญญาว่าตราบใดที่พวกเขายังเป็นพลเมืองของชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนดินแดนนี้ พวกเขาจะสามารถจัดสรรที่ดินได้ นอกจากชนเผ่าอินเดียนสำคัญ ทั้ง 5 ประเภทแล้ว ทาสผิวสีที่อาศัยอยู่ ณ พื้นที่นี้ก็สามารถยื่นขอส่วนแบ่งที่ดินได้อีกด้วย ดังนั้นซาร่าห์และครอบครัวของเธอก็ได้ที่ดินบางส่วนเช่นกัน

 

Sponsored Ad

 

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นการชดเชย แต่ก็ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ส่งผลประโยชน์ให้กับคนผิวขาวและชาวอินเดียนกว่า ส่วนที่ดินครอบครัวซาร่าห์ได้รับแบ่งมานั้น ตั้งอยู่ใน Glenpool ซึ่งไม่เพียงแค่อยู่ห่างไกลจากเมืองเท่านั้น แต่ยังค่อนข้างยากจน นอกเหนือจากไม่สามารถเพาะปลูกได้แล้ว แต่พวเขายังต้องจ่ายภาษีอีก 30 เหรียญต่อปี ซึ่งเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับครอบครัวซาร่าห์

 

Sponsored Ad

 

    โจเซฟ แร็คเตอร์ (Joseph Rector) บิดาของเธอต้องการขายที่ดินให้เธอ แต่ก็ล้มเหลวเนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย โชคดีที่น้ำมันพุ่งขึ้นในเวลานั้น นักธุรกิจจำนวนมากแห่กันไปที่เมืองแห่งน้ำมันของโอกลาโฮมาเพื่อขุดน้ำมันขึ้นมาขายและใช้


 

Sponsored Ad

 

    ในปี ค.ศ.1911 โจเซฟช่วยเธอเช่าที่ดินให้กับ บริษัท สแตนดาร์ดออยล์ (Standard Oil Company) เพื่อต้องการที่จะหารายได้เพิ่ม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น 2 ปีต่อมาพวกเขาขุดพบน้ำมันในที่ดินของเธอจริงๆ! และบ่อน้ำมันแห่งนี้สามารถผลิตน้ำมันได้ 2,500 บาร์เรลต่อวันซึ่งเทียบเท่ากับ 400,000 ลิตร หลังจากนำไปขายยังท้องตลาด สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อวัน 300 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,993 บาท) ซึ่งในเวลานั้นใครที่มีเงินเดือน 50 ดอลลาร์ก็ถือว่าสูงมากแล้วในยุคนั้น สำหรับชาวอเมริกัน ดังนั้นเอง ซาร่าห์วัย 12 ปีจึงกลายเป็นคนรวยที่สุดในพื้นที่

 

Sponsored Ad

 

    แต่ทว่าตามกฎหมายในเวลานั้น จะเป็นไปได้อย่างไรว่า คนผิวสีจะมีชีวิตที่มีความสุขอย่างนั้น ตามข้อบังคับตราบในเวลานั้น เด็กหรือผู้ใหญ่ผิวสีทุกคน หากมีทรัพย์สินจำนวนมาก พวกเขาจะได้รับมอบหมายให้ “คนผิวขาวที่น่าเคารพนับถือ” เป็นคนดูและช่วยจัดการทรัพย์สินทั้งหมดให้ ในฐานะผู้ปกครอง อันที่จริงแล้ว นี่เป็นเพียงการฉวยโอกาสในการล้วงลึกทรัพย์สินของเธอและคิดหาทางเอามาเป็นของคนผิวขาว เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ซาร่าห์จึงเปลี่ยนผู้ปกครองของเธอจากพ่อแม่ เป็นทีเจ. Porter พอร์ตเตอร์  (TJ Porter) ซึ่งเป็นชาวนาผิวขาวคนในท้องถิ่น ที่ถูกซาร่าห์จ้าง

 

Sponsored Ad

 

    ดังนั้นที่ดินของเธอถูกรวมเข้ากับกลุ่มสหภาพน้ำมันของรัฐโอคลาโฮมา ทำให้ซาร่าห์ได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นจำนวนเงิน 11,567 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 346,000 บาท

) นอกจากนี้ในขณะนั้นยังมีระบบการแบ่งแยกสีผิวคนผิวขาวและคนผิวสีที่มีอำนาจแตกต่างกัน และในตอนนั้นเอง ซาร่าห์ก็กลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในท้องถิ่น ด้านเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นไม่ต้องการปรับปรุงการเลือกปฏิบัติ แต่ดันเลือกประกาศอย่างเป็นทางการว่าให้ ซาร่าห์กลายเป็นคนผิวขาว และสามารถได้รับสิทธิพิเศษเทียบเท่าคนผิวขาวอีกด้วย

Sponsored Ad

    แม้จะดูเหมือนว่าซาร่าห์จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่ที่จริงแล้วพวกเขาหวังสมบัติของเธอต่างหาก เพราะถ้าหากซาร่าห์กลายเป็นคนผิวขาว ก็สามารถแต่งงานกับคนผิวขาวได้ ดังนั้นคนผิวขาวก็มีสิทธิ์ในสมบัติของเธอด้วย ในตอนนั้นซาร่าห์มีรายได้ต่อเดือน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 450,000 บาท) ทันทีที่ข่าวการกลายเป็นคนชนชั้นผิวขาวของเธอเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้มีผู้ชายผิวขาวจำนวนมากเข้ามาจีบเธอ โดยจากข้อมูลท้องถิ่นเปิดเผยว่า มีผู้ชายผิวขาว 4 คน บอกว่ายินดีรอเธอโตจนบรรลุนิติภาวะแล้วจึงจะแต่งงานกับเธอ

    แม้ว่าเธอจะรวยมหาศาล แต่ซาร่าห์ก็ใช้ชีวิตดั่งคนทั่วไปกับพ่อแม่ของเธอ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นมัธยมปลาย ว่ากันว่า ตอนเธออายุ 18 ปี เธอมีสมบัติมากถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) ในมือมีหุ้นน้ำมัน,อสังหาริมทรัพย์,ธรุกิจ และที่ดินกว่า 2,000 เอเคอร์ (ประมาณ 5,060 ไร่) ซึ่งเป็นที่ดินที่อุดมสมบรูณ์มาก ภายหลังเธอพาครอบครัวย้ายไปยังแคนซัสซิตี (รัฐมิสซูรี) และซื้อบ้านอยู่ที่นั่น เธอยังคงได้รับการอนุรักษ์โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และยังได้รับการคุ้มครองให้เป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

    แม้ว่าจะมีผู้ชายผิวขาวจำนวนมากเข้ามาจีบเธอ หลังจากที่โตเป็นสาว แต่เธอก็ไม่หวั่นไหวและไม่สะดุดตาใครเลย สุดท้ายเธอเลือกที่จะแต่งงานกับชายผิวสีในเมืองแคนซัสซิตี เคนเน็ธ แคมป์เบล (Kenneth Campbell) งานแต่งของเธอค่อนข้างเรียบง่ายและไม่ใหญ่โต ไม่เหมือนคนร่ำรวยทั่วไปทำกัน  มีเพียงญาติสนิทเท่านั้นที่ไปร่วมงาน ทั้งสองมีลูกชาย 3 คน แต่ทว่าชีวิตสมรสของเธอกลับไปไม่รอด ทั้งสองเลิกกันในปี ค.ศ.1930 

    สื่อท้องถิ่นเปิดเผยว่า ซาร่าห์มีชีวิตที่ดีมาตลอด เธอชอบสวมใส่เสื้อผ้าสวยงามและซื้อรถดีดีขับเช่น โรลส์รอยซ์, คาดิลแลค เป็นต้น นอกจากนี้เธอยังชอบการจัดงานปาร์ตี้อีกด้วย เธอยังเชิญดาราชื่อดังมากมายมาร่วมงาน สุดท้ายเธอจากโลกนี้ไปด้วยวัย 65 ปี แม้ว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีมาตลอด แต่จะเห็นว่าเธอไม่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากเหมือนคนร่ำรวยทั่วไป ตลอดชีวิตเธอรู้จักนำเงินไปสร้างรายได้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ รู้จักลงทุน จนมีเงินทองให้ลูกหลานได้อยู่สบายไปทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้

ที่มา : teepr | เรียบเรียงโดย หมื่นพันเหตุผล

บทความที่คุณอาจสนใจ