ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเรื่องของ เจ้าแมวเหมียวที่บีบน้ำตาร้องไห้ เพราะยายไม่ได้พาเข้านอนด้วย ล่าสุดเราก็ได้พบแมวขี้น้อยใจอีกตัวแล้ว มันร้องไม่เป็น แต่ทำได้แค่นั่งบีบน้ำตา เงียบๆ 

    เมื่อไม่นานมานี้ ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า ChTim Sumali ได้โพสต์ในกลุ่มทาสแมว เกี่ยวกับเจ้าเหมียวที่เกิดอาการน้อยใจเธอร้องห่มร้องไห้ จนเธอรู้สึกผิดกับมัน 

    เจ้าของโพสต์เล่าว่าเจ้าแมวเหมียวของเธอตัวนี้ ปกติมีนิสัยน่ารัก เรียบร้อย ไม่เรื่องมาก เวลาอยากกินอาหาร มันจะบอกให้รู้โดยการเกาถุงอาหาร พออยากกินน้ำ ก็จะไปเกาขวดน้ำ แถมยังชอบให้รินน้ำใส่แก้วให้ด้วย

    ด้วยความเป็นแมวที่รักทาสมากๆ นางจึงชอบนอนกับทาส ทุกคืน และในวันที่เกิดเหตุนั้น มันก็เข้าห้องนอนกับทาส เหมือนทุกคืนนั้นแหละ แต่…

    ก่อนเข้านอนทาส ได้ออกไปนอกห้อง เพื่อทำธุระบางอย่าง โดยไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวแอบเดินตามออกมาด้วย หลังจากทำธุระนั่นนี่เสร็จ เธอก็จัดการปิดไฟ แล้วเดินเข้าห้องนอนตามปกติ

    เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากเจ้าเหมียวเดินตามเข้ามาในห้องด้วย แต่ประเด็นคือ มันกลับมาไม่ทันตอนที่ทาสเข้าห้องไงและทาส เองก็ไม่ได้คิดว่ามันออกจากห้องตั้งแต่แรก เลยไม่ได้เอะใจ

    โชคดีที่ห้องน้ำนอกห้องยังเปิดไฟไว้อยู่ เจ้าเหมียวเลยเข้าไปรอในห้องน้ำ จะร้องก็ร้องไม่เป็น ได้แต่ปล่อยน้ำตา ให้ไหลอยู่อย่างนั้น

    อย่างที่บอกไปว่าน้องร้องไม่เป็น มันเลยนั่งเงียบๆ ในห้องน้ำ และรอว่าเมื่อไหร่ทาส จะนึกออกว่าเจ้านายของขุนปุยของนางไม่ได้อยู่ในห้องนอนด้วย

    หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป มีทาส แมวจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น บ้างก็สงสาร บ้างก็ขำ

    แต่มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่าที่น้อง น้ำตาไหล อาจไม่ใช่เพราะเสียใจ  แต่อาจจะเกิดจากการระคายเคืองหรือติดเชื้อก็เป็นได้

    ทางเจ้าของจึงออกมาตอบว่าตาน้องปกติมากๆ ไม่ได้เป็นอะไรเลย และเธอก็หมั่นเช็ดตาให้มันทุกวันอยู่แล้ว พร้อมกับโพสต์ภาพแมวของเธอในวันปกติให้ดู และขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง 

    เหตุการณ์ในวันนั้นลงเอยด้วยการที่ทาสเริ่มแปลกใจว่าทำไมวันนี้เจ้าเหมียวไม่มาคลอเคลียเหมือนทุกครั้ง เลยกะจะหันไปเล่นกับมันสักหน่อย ปรากฏว่ามันไม่อยู่ในห้องนอนซะงั้น

    เธอออกไปดู ถึงเห็นว่ามันกำลังนั่งร้องไห้เงียบอยู่ในห้องน้ำ โถลูก ทำไมไม่ร้องเรียกแม่ล่ะ

    จากประสบการณ์ในนี้ หวังว่าเจ้าของโพสต์จะไม่ลืมน้องอีกเป็นครั้งที่สองนะ โถๆๆ ทั้งน่าสงสารและน่าขำในเวลาเดียวกัน

ที่มา : ITim Sumali