"หลังแต่งงาน หนูไม่ใช่ลูกชายแม่อีกต่อไป" จดหมายจากแม่ ที่ทำให้คนนับล้านกระจ่าง!
คอมเมนต์:
บทความในวันนี้มาจากการชาวเน็ตต่างชาติที่เขียนจดหมายให้ลูกชายของตนเอง มีเนื้อหาที่น่าสนใจมาก อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่าน
แด่ลูกชายที่รัก:
Sponsored Ad
จู่ๆก็เขียนจดหมายให้ คงรู้สึกแปลกใจมากใช่ไหม?
พูดตามตรงนะ จู่ๆแม่เกิดอยากเขียนจดหมายให้ลูกก็รู้สึกแปลกใจตนเองเหมือนกัน แต่ทว่า มีคำพูดบางคำที่ไม่อาจพูดต่อหน้าได้ จึงต้องเขียนผ่านจดหมายนี้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ลูกทะเลาะกับภรรยา แม่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินทั้งหมด
ลูกก็ไม่ต้องไปโทษเธอ แม้ว่าเธอจะเรียก “แม่” เหมือนลูก แต่ในความเป็นจริงแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆของเธอ ลูกอาจทำอะไรตามสบายต่อหน้าแม่ได้ แต่เธอกลับไม่กล้า
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
Sponsored Ad
เมื่อวานตอนที่แม่กำลังซักผ้าอยู่นั้น ก็เอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของพวกเธอทิ้งลงในถังซักผ้า และได้ยินภรรยาพูดกับลูกว่า “แม่คุณเอาเสื้อผ้าฉันไปซักอีกแล้ว ฉันเห็นชุดชั้นในและบราของฉันถูกตากไว้ที่ระเบียงบ้าน ฉันอับอายมาก นี่มันเป็นของใช้ส่วนตัวฉันนะ”
“ตั้งแต่แม่ของคุณมา คุณก็ขี้เกียจมาก ฉันไม่กล้าใช้ให้คุณทำงานเลย กลัวแม่คุณจะว่าฉัน ตอนนี้คุณเหมือนทารกคนหนึ่ง อะไรก็ไม่ทำ”
ขออภัยด้วยนะ! 2-3 วันที่แม่มานี้เหมือนได้ทำผิดอะไรบางอย่าง ลูกรัก โปรดอย่าไปด่าว่าภรรยาของลูกเลยนะ อย่าโทษว่าเธอไม่กตัญญู
Sponsored Ad
แม้ว่าหลังจากที่แม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้วจะไม่สบายใจ แต่แม่ก็อยากบอกลูกว่า “ภรรยาลูกพูดถูก” เพราะถ้าแม่เป็นเธอ ก็จะพูดเช่นเดียวกับเธอ
วันนี้ลูกแต่งงานได้ 7 วันแล้ว แม่มาดูแลบ้านให้คู่แต่งงานใหม่ มาดูแลบ้านใหม่ แม่มาได้ 7 วันแล้ว พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว
พ่อของลูกได้ไปซื้อทัวร์ท่องเรือสําราญ อีก 2 วันก็จะเดินทางแล้ว พวกเราเอาเงินปลดเกษียณไปท่องโลกในช่วงที่ยังมีแรงเดิน ก่อนออกท่องโลก แม่มีคำพูด 3 ประโยคจะฝากให้ลูก:
Sponsored Ad
ประโยคแรก :หลังแต่งงาน ลูกและแม่จะ "ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีก"
เมื่อลูกอ่านถึงประโยคนี้….ก็อย่าตกใจไป ที่แม่พูดคำนี้ไม่ใช่ว่าจะจากลูกไปไหน ลูกยังคงเป็นลูกชายในดวงใจแม่เสมอ
“ครอบครัว” ที่แม่หมายถึงนี้คือ ตำแหน่งเล็กๆ เพราะตอนนี้ลูกมีบ้าน ครอบครัวของตนเองแล้ว ลูกและภรรยาคือครอบครัวเดียวกัน ส่วนพ่อแม่คือครอบครัวเดียวกัน
พูดแบบนี้แล้วดูโหดร้ายมากใช่ไหม ในตอนแรกแม่เองก็คิดว่าต่อไปจะไม่ได้พบหน้าลูกทุกวันแล้ว ในใจคงรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวมาก
จำได้ว่าตอนลูกอายุได้ 12 ปี เราทั้งบ้านไปท่องเที่ยวมองโกเลียด้วยกัน เราพักในบ้านของชาวมองโกเลีย เราเห็นแม่แกะที่กำลังให้นมลูกแกะอยู่ ลูกรู้สึกตื่นเต้นมากและอยากจะสัมผัสลูกแกะ จนโดนแม่แกะชนจนกระเด็นเลย
Sponsored Ad
เราแม่ลูกก็เหมือนแกะที่รักและผูกพันธ์กันมาก แต่ลูกรู้ไหมว่า หลังจากที่ลูกแกะเติบโตแล้ว แม่แกะก็จะออกห่างจากลูกของมัน เพื่อให้ลูกแกะเติบโตสามารถพึ่งพาและหาอาหารประทังชีวิตได้ด้วยตนเอง
ปัจจุบันลูกอายุ 28 ปีแล้ว โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม่อาจสูงเท่าบ่าของลูกเท่านั้น
Sponsored Ad
ก็ถึงเวลาที่แม่ต้องเหมือนแม่แกะที่ค่อยๆตีตัวออกห่างจากลูกไป หากแม่ยังคงอยู่ติดกับลูกเป็นครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน เข้าไปยุ่งเรื่องในบ้านของลูกมากไป มันจะส่งผลไม่ดีกับลูกและภรรยาของลูกด้วย รวมถึงแม่ด้วย
ลูกยังจำน้าจางได้ไหม
เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกชายมาโดยลำพังอย่างยากลำบาก ตอนนี้ลูกชายแต่งงานแล้ว มีครอบครัวของตนเอง แต่ทว่ายังเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของลูกชายเสมอ ขนาดที่ว่าสองสามีภรรยามีเรื่องอะไรต้องถามความคิดเห็นจากน้าจางก่อนเสมอ
(เป็นภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
Sponsored Ad
ส่วนลูกชายของน้าจางก็เป็นเด็กกตัญญูมาก จึงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ผิดปกติอะไร แต่ในทางกลับกันภรรยาของเขารู้สึกว่าตนเองเหมือนเป็นคนนอก ทำให้มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จนในที่สุดถึงกับหย่าขาด
การที่แม่คนหนึ่งรักลูกอย่างแท้จริงนั้น จะต้องเรียนรู้ที่จะยอมถอยออกมาจากชีวิตส่วนตัวของลูกบ้าง
พ่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยมือ กลับอ้างว่ารักลูกมาก แต่ที่จริงพวกเขากำลังอยากมีอำนาจในการควบคุมชีวิตลูกต่างหาก
ลูกรัก การที่แม่จะต้องถอยออกมาจากชีวิตของลูกนั้นยากนัก แต่แม่ก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินออกมาใช้ชีวิตของตนเอง และจะมีชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข
หากลูกคิดถึงแม่ แม่จะมาเคาะประตูที่บ้านลูกนะ มาพักสักระยะสั้นๆ ทำอาหารเช้า เมนูโปรดให้ลูกกิน
แต่ว่าลูกต้องจำไว้เสมอว่า เราแม่ลูกไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป แม่มาอาศัยเพียงชั่วคราวเท่านั้น ลูกและภรรยาต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน
ประโยคที่สอง: หลังแต่งงานแล้ว ก่อนจะรักลูกของลูก ควรรักภรรยาก่อน
เมื่อตอนที่แม่เพิ่งคลอดลูก พ่อของลูกเห่อมากจนนอนไม่หลับ ตอนที่ลูกเพิ่งเกิดมาใหม่ๆ ลูกหน้ายับมาก ตาก็เล็กๆ แต่สำหรับพ่อแม่ลูกคือสิ่งที่งดงามที่สุดในโลก เหมือนเพชรอันล้ำค่า
นี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่แม่ได้เรียนรู้ว่าการมีลูกนั้นต้องเหนื่อยและลำบากมากแค่ไหน
ในตอนนั้นพ่อต้องทำงานตอนเช้า ส่วนแม่ต้องซักผ้า ทำกับข้าว เปลี่ยนผ้าอ้อม ล้างขวดนม ยุ่งทั้งวัน แต่พอได้เห็นหน้าลูกแล้วก็หายเหนื่อย กลับมามีพลังอีกครั้ง
ในอนาคตหากมีลูกของตนเอง ภรรยาของลูกต้องเอาเวลาทั้งหมดไว้ที่ลูก ต้องเหน็ดเหนื่อยเลี้ยงดู หากจำเป็นแม่ก็จะมาคอยช่วยเหลือ
แต่ลูกต้องจำไว้นะว่า อย่าคิดว่าเพราะทำงานจนไม่สนใจงานบ้าน ไม่ช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงการเติบโตของเด็กนั้น พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมด้วยทั้งคู่ จะขาดใครไปคนหนึ่งไม่ได้
แม่เคยได้อ่านบทความมากมายเกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ชีวิตแต่งงานล้มเหลว คือ “บทบาทของพ่อ” ได้ขาดหายไป
เพราะภรรยาส่วนใหญ่มักเอาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลูกอยู่เหนือความสัมพันธ์ของสามี
(เป็นภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
ในที่นี่อาจมีสาเหตุที่มาจากภรรยา แต่สาเหตุหลักนั้นมากจากผู้เป็นสามี หากในตอนแรกสามีไม่ปล่อยตัว นอนเหมือนศพ เหตุการณ์ก็คงไม่เหลวร้ายขนาดนี้
แม่หวังว่าลูกและภรรยาของลูกจะร่วมกันเลี้ยงดูลูกนะ อย่ากลัวว่าต้องทำงานเหนื่อยแล้วพอเลิกงานยังต้องมาเลี้ยงลูกอีก กลับบ้านมาอุ้มลูกบ้าง พูดคุยกับลูกบ้าง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่มีลูกแล้ว ทั้งคู่อาจเอาความสนใจและเวลาส่วนใหญ่ไว้ที่ลูก แต่แม่อยากแนะนำว่าก็อย่าละเลยภรรยาของลูกนะ
ผู้หญิงที่ถูกรักกับผู้หญิงของคนอื่นนั้นไม่เหมือนกัน จิตใจที่เบิกบาก รอยยิ้มของเธอจะสดชื่น เธอจะรักครอบครัวนี้มากขึ้น และรักครอบครัวของเธอมากขึ้นเช่นกัน
ครอบครัวที่ดีควรที่จะเป็นแบบนี้คือ พ่อรักแม่ แม่และพ่อรักลูกด้วยกัน เช่นนั้นความสมพันธ์ของสามีภรรยาจึงจะราบรื่น
อย่าให้แม่รักลูกมากเกินสามี หรือ พ่อรักลูกมากเกินภรรยา สิ่งสำคัญเมื่อลูกเห็นพ่อแม่รักใคร่ เติบโตมาในครอบครัวที่สมบรูณ์เช่นนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นครอบครัวที่รักใคร่กันอย่างแท้จริง แบบนี้ลูกของลูกก็จะเรียนรู้ที่จะแสดงความรักต่อผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง
ประโยคนี้มีประโยชน์มาก : “คนที่มีความสุข รักษาทั้งชีวิตด้วยวัยเยาว์ ส่วนคนที่ไม่มีความสุข ต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อรักษาชีวิตในวัยเยาว์”แม่หวังว่าลูกจะจดจำประโยคนี้ไว้ตลอดไป
ส่วนประโยคสุดท้ายที่แม่อยากให้: หลังแต่งงาน ภรรยาคือคนสำคัญที่สุด
ลูกยังจำได้ไหมว่า ในตอนนั้นที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ภรรยาของลูกถามว่า “ถ้าแม่กับภรรยาของลูกตกน้ำพร้อมกัน ลูกจะเลือกช่วยใครก่อน?”
แม่อยากบอกลูกว่า “ขอให้ลูกช่วยภรรยาก่อน เพราะแม่ตกน้ำพ่อต้องมาช่วยแน่นอน!”
สุดท้ายแม่มีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง
ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อาจารย์สั่งให้นักศึกษาเขียนชื่อบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตมา 10 คน พวกเขาเขียนชื่อเพื่อนในห้องและญาติพี่น้อง
จากนั้นอาจารย์ก็บอกว่า “ถ้าให้เลือกได้ 9 คนจะเลือกใคร ฉะนั้นต้องเลือกลบออกไป 1 คน” นักศึกเลือกลบชื่อเพื่อน
อาจารย์ก็ถามอีกว่า “ถ้าให้เลือกได้ 8 คนจะเลือกใคร ฉะนั้นต้องเลือกลบออกไปอีก 1 คน” นักศึกเลือกลบชื่อเพื่อนออกไปอีก 1 คน ด้วยความรู้สึกเสียใจมาก
สุดท้าย บนกระดาษเหลือรายชื่อบุคคลสำคัญเพียง 4 คนเท่านั้น คือ พ่อแม่ ภรรยาและลูก
ในตอนนี้อาจารย์นั่งนิ่งและบอกให้ลบรายชื่อทิ้งไปอีก 1 คน นักศึกแทบน้ำตาไหลเพราะทำใจเลือกยากมาก แต่ในที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะลบชื่อพ่อแม่ออกไป
จนสุดท้ายอาจารย์บอกให้เหลือได้เพียง 1 คนเท่านั้น และรายชื่อบุคคลสำคัญเพียงคนเดียวที่อยู่บนกระดาษคือ “คู่ชีวิต”
“พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา ลูกคือเลือดเนื้อเชื้อไขที่มาจากเรา และภรรยาเราสามารถหาใหม่อีกได้ อาจารย์จึงถามว่า แล้วทำไมจึงเลือกให้ภรรยาเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด?”
“เพราะว่าพ่อแม่เมื่อเราเติบใหญ่ก็จากเราไป ส่วนลูกเมื่อเติบโตขึ้นก็จากเราไปเช่นกัน เหลือเพียงแต่ภรรยาเท่านั้นที่จะอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่าและตลอดกาล”
คำตอบของนักศึกษาก็คือความในใจที่แม่อยากบอกลูกนะ
ชีวิตคนเราจะต้องพบเจอความสูญเสียมากมาย และคนที่สำคัญก็จะต้องจากไปเช่นกัน ฉะนั้นลูกควรมีการเตรียมพร้อมไว้เสมอนะ
ลูกรัก ต่อจากวันนี้ไปดูแลตนเองและภรรยาให้ดี สูบบุหรี่ให้น้อยลง นอนให้เพียงพอ มือถือถ้าไม่จำเป็นก็อย่าหยิบขึ้นมา หันหน้าคุยกับภรรยาบ่อยๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม คุยได้คุยไป ขออวยพรให้ลูกมีความสุข
แปลและเรียบเรียงโดย ชวนกันยิ้ม