เปิดชีวิต "ดิเอโก" เต่ายักษ์กาลาปากอส ต้องจากบ้านไปผสมพันธ์ุนาน 30 ปี เพื่อเพิ่มประชากรเต่า

คอมเมนต์:

ในปัจจุบันเต่ายักษ์ที่เพิ่มขึ้นจาก 15 เป็น 2,000 ตัว คือลูกหลานของดิเอโก

    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สำนักข่าว ABC News รายงานว่า เต่ายักษ์กาลาปากอสอายุประมาณ 130 ใกล้ได้กลับบ้านแล้ว หลังจากทำภารกิจเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของมันจากการสูญพันธุ์มานานกว่า 30 ปี

    ดิเอโก (Diego) เป็นเต่ายักษ์สายพันธุ์ Chelonoidis hoodensis ที่อาศัยอยู่บนเกาะ Espanola ของกาลาปากอส ถือเป็นหนึ่งในเต่าที่ถูกส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริการะหว่างปี 1928 และ 1933 ก่อนจะถูกนำไปไว้ที่สถานีวิจัยชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin Research Station) เพื่อทำภารกิจป้องกันเผ่าพันธุ์ของมันหลังได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในช่วง 1960

 

Sponsored Ad

 

    ดิเอโกใช้เวลาไปกว่า 30 ปี ในโครงการการขยายพันธุ์ของสวนสัตว์ซานดิเอโก ระหว่างที่มันถูกส่งไปยังเอกวาดอร์ในปี 1977 เพื่ออยู่ร่วมกับเต่าตัวอื่น ๆ ในสถานีวิจัยชาลส์ ดาร์วิน

    กระทรวงสิ่งแวดล้อมของเอกวาดอร์ประกาศเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2020 ตามเวลาท้องถิ่นว่า พวกเขาตัดสินใจยุติโครงการการผสมพันธุ์บนเกาะเอสปาโนลา (Espanola) แล้ว เพื่อแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของสภาพที่อยู่อาศัยและประชากรเต่า

 

Sponsored Ad

 

    นักอนุรักษ์กล่าวว่าปัจจุบันประชากรเต่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 15 เป็น 2,000 ตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซานดิเอโกกล่าวว่ากว่า 40% ของจำนวนประชากรเต่าเป็นที่เชื่อกันว่าคือลูกหลานของดิเอโก

 

Sponsored Ad

 

    นอกจากนี้โครงการยังทำหน้าที่ฟื้นฟูระบบนิเวศของเกาะ ซึ่งรวมถึงการกำจัดสัตว์ต่างถิ่นและฟื้นฟู Cacti (ไม้ตระกูลตะบองเพชร) เนื่องจากระบบนิเวศของเกาะในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนประชากรเต่าที่เพิ่มขึ้น

    การปิดตัวของโครงการการผสมพันธุ์จะรวมถึงการส่งเต่าวัยผู้ใหญ่กลับอีก 15 ตัว (ตัวเมีย 12 และตัวผู้ 2 ตัว) ซึ่งแต่เดิมถูกพบบนเกาะ กลับไปยังถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติในเดือนมีนาคม 2020 หลังจากถูกกักกันเพื่อกำจัดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของเมล็ดพันธุ์จากพื้นต่างถิ่น *มาจากอาหารที่พวกมันกินระหว่างการเพาะเลี้ยง

 

Sponsored Ad

 

.

.

    เกร็ดความรู้ : กระบวนการสร้างและสลายหรือเมแทบอลิซึม และความสามารถได้การดื่มน้ำในปริมาณมากของเต่ายักษ์กาลาปากอส ช่วยให้พวกมันสามารถอยู่รอดได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องกินหรือดื่มอะไรเลย

ข้อมูลและภาพ จาก flagfrog

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ