"โจวซิงฉือ" เล่าความลับที่เก็บมากว่า 10 ปี ครั้งหนึ่งเคยแกล้งทำอาหารตกพื้นให้แม่เก็บกิน

คอมเมนต์:

ถ้าแม่เข้าใจสิ่งที่ผมทำ ผมจะรักผมยิ่งกว่านี้อีก

        เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก “โจวซิงฉือ” (Stephen Chow) นักแสดงชาวฮ่องกงอารมณ์ดีที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ ในผลงานที่ผ่านมาของเขาเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จไปทุก ๆ เรื่อง ด้วยฝีมือการแสดงที่เน้นเสียงหัวเราะ แบบทะเล้นแต่มีเสน่ห์เหลือเกิน

        แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่ “โจวซิงฉือ” จะเข้าวงการ มีชื่อเสียง จนร่ำรวยมาได้ ชีวิตของเขาวัยเด็กนั้นลำบากยิ่งกว่าภาพยนต์ในบทบาทขอทานที่เขาชอบเล่นเสียอีก 

 

Sponsored Ad

 

        วันนี้เราจะพาไปอ่านเรื่องราวของ “โจวซิงฉือ” ที่ใครหลายคนต้องเสียน้ำตาอย่างแน่นอน

 

Sponsored Ad

 

        ตอนที่พ่อกับแม่แยกทางกัน ผมเพิ่งอายุ 7 ขวบ ศาลตัดสินให้ผมกับพี่สาวและน้องสาวอยู่กับแม่ ช่วงปี 1968 ที่ฮ่องกง แม่เลี้ยงดูเรา 3 พี่น้องด้วยความยากลำบาก แม่ต้องทำงาน 2 ที่ แต่โชคดีที่ลูก ๆ ล้วนเป็นเด็กดี โดยเฉพาะผมตั้งใจเรียนมาก สอบได้คะแนนดีตลอดทำให้เป็นลูกรักของแม่

        แต่มีแค่เรื่องเดียวที่แม่เป็นห่วงพวกเรา คือ เรื่องอาหารการกิน ลูก ๆ กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ไม่ว่ากระเบียดกระเสียรแค่ไหน แม่ก็ต้องหาเนื้อหาปลามาให้พวกเรากินเสมอ แต่อาจเป็นเพราะผมถูกตามใจจนเคยตัว หรือไม่ก็เพราะนาน ๆ จะมีเนื้อมีปลากินสักครั้ง 

 

Sponsored Ad

 

        ทันทีที่อาหารขึ้นโต๊ะ ผมก็จะยกจานมาไว้ตรงหน้าตัวเอง เลือกกินของที่ชอบ พี่สาวน้องสาวก็ดีเหลือเกิน ไม่เคยแย่งผมกินเลย แต่ว่าผมกินไม่ค่อยมาก กินแค่สองสามคำก็เลิกกิน หันไปเล่นซน

 

Sponsored Ad

 

        ผมยังมีนิสัยเสียอีกอย่าง คือ ชอบเอาของกินมาเคี้ยวเล่น แล้วก็คายกลับลงบนจาน ของที่ผมคายทิ้งนั้นพี่สาวน้องสาวไม่กล้ากิน แต่เพราะเสียดายของ แม่จึงเป็นคนกินทุกครั้ง นิสัยเสียนี้แม่ตำหนิผมหลายครั้ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ อาจเพราะว่าเรื่องเรียนเรื่องนิสัยอื่น ผมไม่มีปัญหาอะไร แม่จึงยอมให้เพราะคิดว่าเป็นนิสัยซนของเด็ก ๆ

        แต่มีครั้งหนึ่ง แม่โกรธจริง ๆ และลงมือทำโทษผมด้วย… ครั้งนั้น แม่ไม่ได้เงินเดือนมา 2 เดือนแล้ว ต้องไปยืมเงินคนอื่นมาซื้อน่องไก่ 2 น่องให้พวกเรากิน น่องไก่ย่างจนเหลืองหอม พอยกขึ้นโต๊ะผมก็ปีนขึ้นไปหยิบใส่ปากกัดคำโต แถมยังทำท่าทำทางล้อเลียนพี่สาวน้องสาวด้วย ทันใดนั้น น่องไก่ก็หลุดมือตกลงบนพื้น เปื้อนดินจนสกปรก

 

Sponsored Ad

 

        แม่ทั้งโกรธทั้งเสียดาย คว้ากิ่งไม้มาหวดผมสิบกว่าครั้ง จนพี่สาวน้องสาวต้องเข้ามาดึงตัวผมออกมา แม่ถึงยอมวางไม้ลงได้ ทั้งแม่ทั้งลูกสามคนกอดกันร้องไห้…หลังคราบน้ำตาแห้งลง พวกเราก็เริ่มกินข้าวกันใหม่ แม่เสียดายน่องไก่ จึงเก็บขึ้นมาแล้วเอาน้ำร้อนลวก แล้วกินเสียเอง

 

Sponsored Ad

 

        คืนวันนั้น แม่เข้ามากอดผม แล้วถามว่า “ยังเจ็บมั้ย ? วันหลังจะซนอีกมั้ย ?” ความจริงผมยังเจ็บอยู่ แต่แอบยิ้มพร้อมบอกแม่ไปว่า “นอนเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”

        สิบกว่าปีให้หลัง ผมกับแม่ไปออกรายการโทรทัศน์ แม่เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ชมฟัง และบอกว่า “ตอนเด็ก ๆ ผมซนมาก ไม่รู้เลยว่ากับข้าวแต่ละอย่างหามายากลำบากแค่ไหน ไม่รู้จักคุณค่าของเลย”

Sponsored Ad

        ผมย้อนคิดถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก แล้วก็บอกออกไปว่า “ไม่ครับแม่ ผมรู้ว่าแม่ลำบาก… แต่ถ้าผมไม่แกล้งทำน่องไก่ตกดิน แม่จะยอมกินไหม ? สมัยเด็ก ๆ มีของกินดี ๆ อะไร แม่ก็จะให้พวกเราสามพี่น้องกินเสมอ แม่กินข้าวเปล่ากับผักดองตลอด ผมก็เลยคิดอุบาย เคี้ยวเนื้อแล้วก็คายทิ้ง แม่ถึงยอมกินเพราะความเสียดาย”

        พอแม่ได้ยินความลับที่เก็บงำมากว่าสิบปี ถึงกับน้ำตาริน บอกว่า “แม่น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว เพราะเจ้าเป็นเด็กดีทุกเรื่อง ยกเว้นแค่เรื่องกินเรื่องเดียวที่นิสัยเสีย”

        ในครั้งนั้น ผมกับแม่กอดกันร้องไห้อย่างไม่อายผู้ชม ผมเห็นว่าผู้ชมหลายคนก็แอบเสียน้ำตาด้วย

        ผมเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับหนังมากมายหลายเรื่อง แต่การแสดงที่ดีที่สุดของผมก็คือ ตอน 7 ขวบครั้งนั้น เพราะเป็นการแสดงที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ หากแต่มีผู้ชมเพียงคนเดียว ก็คือ “แม่ของผม” [อ่านเพิ่มเติม : แม้คนจะพากันยี้ "โจวซิงฉือ" แต่เขาไม่เคยโต้ตอบ ย่องบริจาคเงิน 30 ล้าน ให้คนแปลกหน้า]

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก ให้ความรู้

บทความแนะนำ More +